หนุ่มถูกเจ้าถิ่นยกพวกรุมสกรัม ก่อนควงสปาต้า ยาว 18 นิ้ว แทงคู่อริดับ 2 สาหัส 1

หนุ่มถูกเจ้าถิ่นยกพวกรุมสกรัม ก่อนควงสปาต้า ยาว 18 นิ้ว แทงคู่อริดับ 2 สาหัส 1

หนุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์มาหาแฟนสาวที่นครปฐม ระหว่างทางมีปัญหากับกลุ่มคู่อริเจ้าถิ่น ถูกยกพวกตามมาถึงบ้าน ก่อนสุดท้ายใช้มีดไล่ฟันคู่อริดับ 2 สาหัส 1 วันที่ 13 ต.ค. พ.ต.อ.วิศิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุนทร มาลาเวช รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม และ พ.ต.ท.พิสิษฐ์ มีวิริยกุล รอง ผกก.ป.สน.เพชรเกษม นำกำลังจับกุมตัว นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น พร้อมอาวุธมีดสปาต้า ยาว 18 นิ้ว และ อาวุธมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว รวม 2 เล่ม

โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักเลขที่ 10/325 ในหมู่บ้านสุขสันต์ 6 ซอย 39 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม.

หลังผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดทั้ง 2 เล่ม ไล่แทงและฟันกลุ่มคู่อริเกือบสิบรายที่รวมตัวกันมาหาเรื่องบริเวณหน้าบ้านพักของตนเอง การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 ได้แจ้งให้ตำรวจ สน.เพชรเกษม ระดมกำลังรุดไปตรวจสอบ เหตุทะเลาะวิวาท ระหว่างกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 7-8 คน ซึ่งมีอาวุธมีด ที่หน้าบ้านพักดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึง พบรอยเลือด ตกอยู่จำนวนมาก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคมอาวุธมีด มีทั้งสิ้น 3 ราย อาสาสมัครหน่วยกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงไปก่อนหน้านี้

ประกอบด้วย 1.นายสมเดช หรือต้น ดุลยพัฒน์ อายุ 25 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.บางปะกอก 8 2.นายธิติวุฒิ หรือแซม กลิ่นโพธิ์ อายุ 19 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.เกษมราษฎร์บางแค และ 3.นายพันกร อึ่งโต อายุ 20 ปี ถูกนำส่ง รพ.ราชพิพัฒน์ ให้แพทย์รักษาอาการอย่างเร่งด่วน

สำหรับ นายณัฐวุฒิ ผู้ก่อเหตุยังไม่ได้หลบหนีไปไหน จึงถูกควบคุมตัวไว้ได้ที่บ้านพักหลังดังกล่าว จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การ ว่า ขับขี่รถ จยย.จาก จ.นครปฐม มาหาแฟนที่บ้านหลังดังกล่าว

แต่ระหว่างทางมีปัญหากับกลุ่มคู่อริที่เป็นแก๊งเจ้าถิ่นเนื่องจากขับขี่ รถ จยย.ปาดกันบนถนน จากนั้นฝ่ายผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้ยกพวกมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน และเข้ามารุมทำร้ายตน จนแขนซ้ายหักตนจึงต้องใช้อาวุธมีดป้องกันตัว เบื้องต้นจึงถูกคุมตัวให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ประกอบด้วย 1.นายสมเดช หรือต้น ดุลยพัฒน์ อายุ 25 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.บางปะกอก 8 2.นายธิติวุฒิ หรือแซม กลิ่นโพธิ์ อายุ 19 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.เกษมราษฎร์บางแค และ 3.นายพันกร อึ่งโต อายุ 20 ปี ถูกนำส่ง รพ.ราชพิพัฒน์ ให้แพทย์รักษาอาการอย่างเร่งด่วน

สำหรับ นายณัฐวุฒิ ผู้ก่อเหตุยังไม่ได้หลบหนีไปไหน จึงถูกควบคุมตัวไว้ได้ที่บ้านพักหลังดังกล่าว จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การ ว่า ขับขี่รถ จยย.จาก จ.นครปฐม มาหาแฟนที่บ้านหลังดังกล่าว

แต่ระหว่างทางมีปัญหากับกลุ่มคู่อริที่เป็นแก๊งเจ้าถิ่นเนื่องจากขับขี่ รถ จยย.ปาดกันบนถนน จากนั้นฝ่ายผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้ยกพวกมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน และเข้ามารุมทำร้ายตน จนแขนซ้ายหักตนจึงต้องใช้อาวุธมีดป้องกันตัว เบื้องต้นจึงถูกคุมตัวให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รองโฆษก ตร. แจงยืนยันข่าวปลอม เรื่องการโพสต์และส่งต่อข้อความ เบอร์อันตราย

รองโฆษก ตร. ได้ทำการยืนยันถึงข่าวปลอมภายในกรณีการโพสต์และส่งต่อข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับ เบอร์อันตราย ว่าเป็นข่าวเก่าเมื่อปี 2558 วันนี้ (14 ต.ค. 2564) – พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข่าวปลอม กรณีการโพสต์และส่งต่อข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับ เบอร์อันตราย โดยมีเนื้อหาว่า “มีเบอร์อันตราย 02-619XXXX โทรมาอย่ารับเด็ดขาด ถ้ารับจะยืนยันการสมัครเป็นสมาชิกทันที จะโทรยกเลิกก็ทำไม่ได้ ต้องเสียเงินทุกเดือน โดนหลายรายแล้ว ข่าวจากตำรวจภาค 5 นั้น

ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งปัจจุบันมีการนำข้อความดังกล่าวมาแชร์ซ้ำ จนเกิดเป็นกระแสที่สร้างความตระหนกต่อประชาชนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

จากกรณีดังกล่าว รายการทุบโต๊ะข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ดำเนินรายการโดย คุณพุทธ อภิวรรณ และ คุณจิตดี ศรีดี ได้รายงานข่าว : เบอร์นี้โทรมาห้ามรับ! บริษัทดังโร่ขอโทษสังคม ทำคนไทยแตกตื่นเสียเงิน เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2558 เพื่อชี้แจงข้อมูลทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ให้ตระหนกตกใจและแจ้งให้ประชาชนรับรู้รับทราบถึงแนวทางแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสำนักงาน กสทช. เห็นว่าผู้ที่นำข้อความดังกล่าวมาโพสต์น่าจะมีเจตนาเพื่อให้ประชาชนป้องกันและระมัดระวังในการดำเนินการใด ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม การนำข้อมูลเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตมาเผยแพร่ผ่าน โซเชียลมีเดีย โดยมิได้เป็นผู้ประสบปัญหาด้วยตนเอง และไม่ทราบที่มาแน่ชัด อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และผู้โพสต์อาจถูกบริษัท ฟ้องร้องเอาผิดได้

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป