อัศวิน ประกาศ ลาออก จากตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพอย่างเป็นทางการแล้ว แล้ว เตรียมลงเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ยันไม่ได้ยึดติดอำนาจ แต่อยากทำงานเดิมให้เสร็จ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกมาแถลงว่าตนได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯแล้ว หลังจากที่เขาดำรงตำแหน่งมา 5 ปี 5 เดือน และอีก 5 วัน ซึ่งหลังจากลาออกครั้งนี้จะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้่ว่า กทม. ในสังกัดอิสระ
โดย พล.ต.อ.อัศวิน ระบุว่า การที่ตนลาออกไปสมัครแข่งขันผู้ว่าราชการ กทม.
ไม่ใช่การยึดติดอำนาจ ต้องการทำงานที่ค้างอยู่มาต่อให้เสร็จ และมาทำสิ่งใหม่ๆให้กับกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ ต้องไปต่อ ซึ่งการสมัครเป็นการลงในสังกัดอิสระ แต่มีกลุ่มรักษ์กรุงเทพสนับสนุน ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่สมัครในนามพรรคการเมือง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ยังได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กอีกด้วยว่า “ผมขอขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ที่ร่วมกันทำให้กรุงเทพเปลี่ยนไปแล้ว ขอขอบคุณข้าราชการ ลูกจ้างของ กรุงเทพมหานครที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ยิ่งในช่วงสถานการณ์วิกฤต การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ข้าราชการและลูกจ้างทุกคน ทำงานหนักเพื่อคนกรุงเทพฯ ทุกคนปลอดภัย
ขอบคุณหลายๆ โอกาสที่ทำให้ตัวผมได้มีโอกาสที่ทำให้ เมืองนี้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมขอให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเดินหน้าต่อไป ไม่สะดุดหรือสิ้นสุดลง และหวังว่าพวกเราจะมีโอกาสช่วยกันทำให้เมืองกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ได้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงต่อไป “กรุงเทพต้องไปต่อ”
การลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพในครั้งนี้ ทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน เป็นผู้สมัครคนที่ 8 และเป็นผู้สมัครในฐานะพรรคอิสระคนที่ 4
การเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้ว่ากรุงเทพที่มีกำหนดเปิดหีบในวันที่ 22 พ.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่เลือกตั้ง นายกพัทยา
ชัชชาติ ได้ออกมาเตือนผู้สนับสนุนที่แผนจัดกิจกรรมทางการเมือง ให้ระมัดระวังอย่าแจกของที่มีชื่อของ ชัชชาติ หวั่นฝ่าฝืน กม.เลือกตั้ง นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในตัวแทนลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก วอนผู้สนับสนุนระมัดระวังในการกิจกรรม โดยเฉพาะการแจกของที่มีชื่อของตนปรากฏอยู่ เพราะเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง
โดยข้อความระบุว่า “เนื่องจากวันที่ 25 มี.ค.65 เป็นวันที่ถือว่า กกต.ออกประกาศให้มีการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ผมจึงขอความร่วมมือมายังผู้ที่สนับสนุนผม ขอให้งดการจัดกิจกรรมใดๆ ที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกประเภท
และกรุณางดการแจกเสื้อและสิ่งของใดอันสื่อให้เห็นว่ามีชื่อหรือเป็นการสนับสนุนผม เพราะอาจมีบุคคลนำไปเชื่อมโยงว่าท่านให้ทรัพย์สินเพื่อการหาเสียงได้ การสนับสนุนผมในทางใดๆ ขอให้ท่านดำเนินการให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและระเบียบ กกต.อย่างเคร่งครัด
‘ประยุทธ์’ วอน ปชช. ร่วมมือกัน ชี้ ‘นายกไม่ได้เก่งที่สุด’
ประยุทธ์ วอนประชาชนให้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหาประเทศ ชี้ นายกไม่ได้เก่งที่สุด แต่มีรัฐมนตรี ข้าราชการ ประชาชน เป็นทีมงานที่จะต้องร่วมมือกันในทุกมิติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์หลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 – 2569
โดยนายกฯกล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่พูดวันนึงแล้วก็เลิกไป ขอให้ไปดูที่การกระทำ ขอให้ไปดูผลงานว่าทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง พร้อมย้ำว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เป็นการสานต่องานต่างๆให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้ปัญหาของประเทศดีหมด แต่อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จ หรือ How to do
พร้อมขอบคุณ ขอบคุณประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่ให้ความร่วมมือ และเข้าใจการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด หลายอย่างก้าวหน้าไปมากอย่างเห็นได้ชัด
“นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เก่งที่สุด แต่มีรัฐมนตรี ข้าราชการ ประชาชน เป็นทีมงานที่จะต้องร่วมมือกันในทุกมิติ ทุกระดับ ทุกพื้นที่ ช่วยกันทำงานเพื่อตัวเราเอง รัฐบาลมีจิตปรารถนาเพียงแค่นั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาโดยง่าย ต้องเจอปัญหาอุปสรรคมากมาย ที่ตนพูดแบบนี้ได้ก็เพราะว่าอยู่มาหลายปี รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก หน้าที่นายกอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้น และรัฐมนตรี ก็นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และมีทุกฝ่ายร่วมกันติดตาม” พลเอกประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ต้องช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หากมัวแต่ตำหนิต่อว่า คนทำก็หมดกำลังใจ ตนบอกได้แต่เพียงว่า ‘อย่าท้อแท้’ ปัญหาต่างๆที่ยังแก้ไม่แล้วเสร็จ คือความท้าทายของคนไทยทั้งประเทศ ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ ทุกคนร่วมรับชะตาเดียวกันทั้งหมด ถ้าเราไม่รักกัน ไม่ร่วมมือกัน
โดย เมื่อวันที่ 17 ก.พ.52 มีมติ ครม.ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดจ้างสถาบันอุดมศึกษา 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 717 ล้านบาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 368 ล้านบาท มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 560 ล้านบาท และมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม 408 ล้านบาท ดำเนินการในเรื่องที่ไม่ได้มีความเร่งด่วน ซ้ำซ้อนกับภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป